ความรู้ที่รับ ⇨ วันนี้อาจารย์ให้นักศึกษาออกมานำเสนองานวิจัยที่ได้ไปศึกษามาเกี่ยวการให้ความรู้ผู้ปกครองโดยให้นำเสนอเป็นกลุ่ม
กลุ่มที่ 1 เรื่องการส่งเสริมความเข้าใจภาษาของเด็กปฐมวัยโดยผู้ปกครองใช้ชุดกิจกรรม "เล่นกับลูกปลูกภาษา"
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
❤ เพื่อศึกษาพัฒนาการทางด้านความเข้าใจภาษาของเด็กปฐมวัยโดยผู้ปกครองใช้ชุดกิจกรรม "เล่นกับลูกปลูกภาษา"
❤ เพื่อเปรียบเทียบความเข้าใจภาษาของเด็กปฐมวัยก่อน และหลังการใช้ชุดกิจกรรม "เล่นกับลูกปลูกภาษา"
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1. ชุดกิจกรรมเล่นกับลูกปลูกภาษา 8 ชุด
2. แบบวัดความเข้าใจทางภาษาของเด็กปฐมวัย
3. แบบวิเคราะห์ความเข้าใจทางภาษาของเด็กปฐมวัย
สรุปผลการวิจัย
☺เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมส่งเสริมความเข้าใจภาษาโดยผู้ปกครองใช้ชุดกิจกรรมเล่นกับลูกปลูกภาษามีพัฒนาการความเข้าใจภาษาโดยรวมสูงชึ้นร้อยละ 53.72 ของความสามารถพื้นฐานเดิม
ตัวอย่าง
กลุ่มที่ 2 การพัฒนาโปรแกรมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองเพื่อพัฒนานิสัยรักการอ่านของเด็กปฐมวัย
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
❤ เพื่อศึกษาผลการใช้โปรแกรมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองเพื่อพัฒนานิสัยรักการอ่านของเด็กปฐมวัย
❤ เพื่อพัฒนานิสัยรักการอ่านของเด็กปฐมวัย
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1. แบบวัดความรู้ ความเข้าใจของผู้ปกครองในการพัฒนานิสัยรักการอ่านของเด็กปฐมวัย
2. โปรแกรมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการพัฒนานิสัยรักการอ่านของเด็กปฐมวัย
3. แบบสังเกตพฤติกรรมนิสัยรักการอ่านของปฐมวัย
2. โปรแกรมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการพัฒนานิสัยรักการอ่านของเด็กปฐมวัย
3. แบบสังเกตพฤติกรรมนิสัยรักการอ่านของปฐมวัย
สรุปผลการวิจัย
☺ ผู้ปกครองที่ใช้โปรแกรมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองเพื่อพัฒนานิสัยรักการอ่านของเด็กปฐมวัย มีความรู้ ความเข้าใจในการส่งเสริมเด็กปฐมวัยให้มีรักการอ่านสูงขึ้นหลังการทดลอง
☺ เด็กปฐมวัยที่ใช้โปรแกรมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองเพื่อพัฒนานสัยรัการอ่านของเด็กปฐมวัย มีการพัฒนานิสัยรักการอ่านสูงขึ้นหลังการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถติที่ระดับ .05
ตัวอย่าง
กลุ่มที่ 3 การศึกษาผลของการให้การศึกษาแก่ผู้ปกครองในการสอนความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
❤ เพื่อเปรียบเทียบความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยอายุระหว่าง
2 ½ -4
ปีบริบูรณ์
ในชนบทที่สอนโดยผู้ปกครองซึ่งคิดวิธีสอนและการใช้สื่อในการสอนเด็กด้วยตัวเองหลังจากได้รับการศึกษาโดยคิดวิธีสอนและการใช้สื่อในการสอนเด็กร่วมกับผู้วิจัยกับผู้ปกครองซึ่งเรียนรู้วิธีสอน
และการใช้สื่อในการสอนเด็กจากชุดการสอนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1. ชุดการสอนเพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านความคิดรวบยอดทางศาสตร์
เรื่อง รูปวงกลม สีเหลี่ยม และสามเหลี่ยม
ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้นสำหรับผู้ปกครองกลุ่มที่เรียนรู้วิธีสอนและการใช้สื่อในการสอนเด็กจากชุดการสอน
2. แบบันทึกวิธีสอนและรายชื่อสื่อสำหรับผู้ปกครองกลุ่มที่คิดวิธีสอนและการใช้สื่อในการสอนเด็กร่วมกับผู้วิจัย
เรื่อง รูปวงกลม สีเหลี่ยม และสามเหลี่ยม
ซึ่งผู้วิจัยเป็นผู้บันทึก
หลังจากผู้ปกครองคิดวิธีสอนและสื่อที่ใช้ในการสอนเด็กร่วมกับผู้วิจัยแล้ว
3. แบบบันทึกปริมาณการใช้สื่อในการสอนเด็กสำหรับผู้ปกครอง
ซึ่งผู้วิจัยใช้บันทึกรายชื่อสื่อ และจำนวนสื่อ ที่ผู้ปกครองทั้ง 2 กลุ่มใช้สอนเด็ก เรื่อง ใหญ่ –
เล็ก ยาว – สั้น
หนัก – เบา และ มาก – น้อย
4. แบบทดสอบความคิดรวบยอดทางคณิตสาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยอายุระหว่าง
2 ½ - 4
ปีบริบูรณ์ เรื่อง ใหญ่ – เล็ก
ยาว – สั้น หนัก – เบา
และ มาก – น้อย
สรุปผลการวิจัย
☺ ความสามารถในการสร้างความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยอายุระหว่าง
2 ½ - 4 ปีบริบูรณ์
ในชนบทที่สอนโดยผู้ปกครองที่ได้รับการศึกษาโดยคิดวิธีสอนและการใช้สื่อในการสอนเด็กร่วมกับผู้วิจัย
และเรียนรู้วิธีการสอนและการใช้สื่อในการสอนเด็กจากชุดการสอนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
ตัวอย่าง
กลุ่มที่ 4 การพัฒนาโปรแกรมการศึกษาสำหรับผู้ปกครองในการส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกายของเด็กวัยอนุบาลด้วยรูปแบบการให้ประชาชนในชนบทมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
❤ เพื่อพัฒนาโปรแกรมการศึกษาสำหรับผู้ปกครองในการส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกายของเด็กวัยอนุบาล
ด้วยรูปแบบการให้ประชาชนในชนบทมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา
สรุปผลการวิจัย
☺ หลังการทดลองใช้โปรแกรมการศึกษาสำหรับผู้ปกครองในการส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกายของเด็กวัยอนุบาล
ด้วยรูปแบบการให้ประชาชนในชนบทมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาผู้ปกครองมีการเปลี่ยนแปลงแบบพฤติกรรมการส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกายของเด็กวัยอนุบาลในเรื่องที่ผู้ปกครองเลือกมาแก้ปัญหา
ได้แก่เรื่อง โรคฟันผุในเด็กวัยอนุบาล ดังนี้
1. ผู้ปกครองมีการเปลี่ยนแปลงแบบแผนพฤติกรรมการส่งเสริมการรักษาสุขภาพในช่องปากและฟันของเด็กอนุบาล
ด้านการแปรงฟัน
จากพฤติกรรมการไม่ได้ติดตามการดูแลการแปรงฟันของเด็กหรือติดตามอย่างไม่สม่ำเสมอ
มาเป็นพฤติกรรมการดูแลการแปรงฟันของเด็กอย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอ
และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กในด้านการแปรงฟัน
2. ผู้ปกครองมีการเปลี่ยนแปลงแบบแผนพฤติกรรมการส่งเสริมการรักษาสุขภาพในช่องปากและฟันของเด็กวัยอนุบาล
ด้านการรับประทานอาหารมีประโยชน์จากพฤติกรรมปล่อยให้เด็กเลือกซื้ออาหารรับประทานเองตามใจชอบ
ซึ่งมักไม่มีคุณค่าของสารอาหาร
มาเป็นพฤติกรรมดูแลรับประทานอาหารเด็กอย่างสม่ำเสมอด้วยการเลือกซื้ออาหารที่มีประโยชน์ให้เด็กรับประทาน
กำกับดูแลการเลือกซื้อและรับประทานอาหารอย่างใกล้ชิดรวมทั้งแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กในการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
กลุ่มที่ 5 การเสริมพื้นฐานทักษะทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยโดยผู้ปกครองผ่านชุดกิจกรรม
“สนุกกับลูกรัก”
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
❤ เพื่อศึกษาทักษะทางคณิตศาสตร์
❤ เพื่อศึกษาทักษะการเปลี่ยนแปลงของทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์
❤ เพื่อเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1. ชุดกิจกรรม“สนุกกับลูกรัก” จำนวน 8 ชุด
2. แบบทดสอบเชิงปฏิบัติทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
สรุปผลการวิจัย
☺ หลังจากการส่งเสริมทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์โดยผู้ปกครองผ่านชุดกิจกรรม
“สนุกกับลูกรัก”
เด็กปฐมวัยมีพัฒนาการทักษะทางพื้นฐานทางคณิตศาสตร์โยรวมและจำแนกรายทักษะสูงขึ้น
☺ เด็กปฐมวัยที่ได้รับการส่งเสริมทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยโดยผู้ปกครองผ่านชุด
กิจกรรมลูกรัก ที่เข้าร่วมโครงการเป็นประจำสม่ำเสมอปรากฏว่า
ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์โดยรวมและจำแนกรายทักษะคือ ด้านการจัดหมวดหมู่
การเปรียบเทียบ การรู้ค่าจำนวน 1-10 เรียงลำดับ มีการเปลี่ยนแปลงสูงกว่า
เด็กปฐมวัยที่ไม่ได้มีผู้ปกครองเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ปฐมวัย
ตัวอย่าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น